9 ส.ค. 2555

แนวไม้ 15 ต้น กับทีน่า เทอร์เนอร์



ดิฉันออกแบบ “ แนวไม้ 15 ต้น” โดยตั้งใจใช้องค์ประกอบค่อนข้างง่าย  เพื่อทำให้ผู้ที่มาเรียนปักผ้า โดยเฉพาะ “มือใหม่หัดปัก” มีความมั่นใจว่า ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านวาดรูป แค่พอขีดเขียนเส้นสายได้บ้าง ก็สามารถสร้างสรรค์งานปักที่สวยงาม ด้วยฝีมือของตนเองได้ทุกขั้นตอน

 

โครงสร้างลวดลายของผลงานชิ้นนี้  เกิดจากรูปทรงเรียบง่ายสามชนิด คือ วงกลม วงรี และเส้นตรง  ซึ่งมองเห็นได้ชัดจากแบบปักเปล่า 



แม้ว่าจะใช้วิธีการปักมากสักหน่อย คือทั้งหมด 12 ฝีปัก ประกอบด้วย เดินเส้น  วิ่ง ถอย โซ่  ไขว้ เดซี่ขี้เกียจ  เรียบ ซอย  รังดุมวง ปมฝรั่งเศส ปมพันยาว และปมพันวง  เนื่องจากต้องการใช้เป็นตัวอย่างสอนเรื่องเทคนิคด้วย แต่ทั้งหมดก็จัดว่าเป็นวิธีการที่ง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งนักปักผ้านิยมใช้กันทั่วไป 


เรื่องสีก็ง่ายเช่นกัน เป็นโครงสีแบบตัดกัน ซึ่งประกอบด้วยสีเพียง 2 สีเท่านั้น คือ กลุ่มสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ แต้มด้วยสีชมพูเพียงเล็กน้อย 


ดิฉันใช้เวลาปัก “แนวไม้ 15 ต้น” ตอนกลางคืน ตามปกติเวลาปักผ้า ดิฉันจะทำงานเงียบๆ แต่คราวนี้แปลกออกไป อยากมีอะไรคึกคักขณะทำงานบ้าง จึงเข้าไปในยูทูป หาเพลงของราชินีร็อคอมตะ ทีน่า เทอร์เนอร์ฟังไปด้วย ดิฉันเป็นแฟนของเธอ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นเรียนชั้นมัธยม และต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้  เรียกว่า ถึงแก่เฒ่ายังไงก็ทิ้งกันไม่ลง แต่มีมิติที่ลุ่มลึกขึ้น ต่างไปจากครั้งยังเป็นวัยรุ่นคลั่งเพลงร็อค

ทำงานไปพร้อมกับมีเพลงยอดนิยมของเธอดังอยู่ในหู  เหลือบดูลีลาท่าเต้นบ้างบางครั้ง พร้อมความรู้สึกอัศจรรย์ใจว่า ผู้หญิงอะไรช่างเก่งกาจเสียจริง จนอายุขึ้นเลข 7 แล้ว ยังสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งร้องทั้งเต้นอยู่บนเวที  ฝีมือไม่มีตก 

นี่คือผู้หญิงผิวสี ชาวเทนเนสซีบ้านนอกคอกนา พ่อแม่เป็นกรรมกรโรงงาน เติบโตมาในยุคสมัยที่สังคมอเมริกันยังกดขี่ข่มเหงคนดำอย่างมาก และมีลูกตั้งแต่อายุแค่ 18 สมัยยังสาวถูกสามีขี้ยา ด่าว่า ตบ ตี เป็นประจำ จนหมดความอดทน ต้องหนีไป โดยมีเงินติดตัวไม่ถึงครึ่งเหรียญ และยินดีหย่าขาด โดยยกทรัพย์สินซึ่งทำมาหาได้ร่วมกันให้อีกฝ่ายไปทั้งหมด เพื่อตัดปัญหาทั้งปวง แลกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่  และยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูกอีกหลายคนในเวลาต่อมา ทั้งลูกของเธอเอง และลูกของอดีตสามีกับภรรยาคนอื่น ซึ่งเธอก็ประสบความสำเร็จ ในฐานะแม่เช่นกัน



บรรยากาศในหัวใจของนักปักผ้าขณะกำลังปักงานตรงหน้า กับพลังเต็มเปี่ยมจากเวทีการแสดง ซึ่งถูกถ่ายทอดด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ผสานเป็นเกลียวเดียวกัน 

ในเสี้ยวขณะหนึ่ง สำนึกตรึกตรองบางอย่างผุดขึ้นในใจ ดูสิ สองสิ่งนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง  
นี่งานเงียบ ไม่ต้องใช้เสียง นั่นงานต้องทำให้มีเสียง
นี่งานที่ทำได้เพียงคนเดียว นั่นงานที่ไม่อาจทำเดี่ยว
นี่  ได้ผลงาน ไม่มีร่างกายตัวตนของคนทำปรากฎ  นั่นเป็นผลงาน ที่ร่างกายตัวตนคนทำต้องปรากฎ
นี่งานผลิตรูป สำเร็จเป็นวัตถุจับต้องได้ คงรูปอยู่เป็นเวลานาน  นั่นงานผลิตอรูป เป็นเสียง แสง  ลีลาท่าเต้น ถ้าไม่มีสื่อกลางเก็บบันทึก ร้องเต้นเสร็จ ก็มลายหายไป

วิถีของนักปักผ้า ปักไป ทีละฝีเข็ม ทีละฝีเข็ม สงบ เงียบ ช้า เบา คนเดียว
วิถีของนักร้อง  คึกคัก กังวานก้อง เร่งเร้า เร็ว หนัก หน้าฝูงชน

คงไม่ผิด ถ้าจะใช้คำว่า “แตกต่างกันสุดขั้ว”  แต่ทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค ก็แค่ความต่างกันที่เปลือกนอก ถ้าจิตใจเปิดกว้าง ไม่กั้นกำแพง เนื้อแท้ข้างในของความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนล้วนมีเหมือนกัน ย่อมสามารถสื่อสาร เชื่อมโยง หลอมรวมกันได้ ในบางลักษณะเสมอ 

วิถีของนักปักผ้า เปิดรับเชื่อมโยงวิถีของนักร้องอย่างเต็มที่ สงบและสนุก ช้าและตื่นตัว เงียบยอมรับเสียง เบายอมรับหนัก เชื่อมรวมกันได้อย่างดี พ้นข้อจำกัดใดๆ  เพราะจิตใจของนักปักผ้าหน้าจอ และของนักร้องในจอ ต่างทุ่มเต็มที่ให้กับงานตรงหน้า แบบเดียวกัน  “เป๊ะ
คืนนั้น นักปักผ้าเพลินกับการทำงานอยู่เกือบ 4 ชั่วโมง จนลืมเวลาเข้านอนตามปกติ
รุ่งขึ้นอีกวัน ใช้เวลาปักต่อไม่นาน แนวไม้ 15 ต้นก็เสร็จพอดี


ขณะกำลังเขียนบล็อก สำนึกเบิกบานอยากหยอกล้อคนอ่าน ผุดขึ้นมาว่า

จะเพิ่มเรื่องความต่าง เข้าไปอีกสักข้อก็ได้ว่า

 “look” คนทำ

“G.P. – จืด แต่ T.T. – เจ็บ”  

ถ้าจะทำให้คนอ่านมีความสุขมากขึ้น    :))



5 ก.ค. 2555

เริ่มต้นด้วยมิตรไมตรี


หลังจากใช้เวลาพักใหญ่ พยายามเรียนรู้วิธีสร้างบล็อก และเทคโนโลยีอินเตอร์เนตอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกัน ในที่สุดก็ได้เวลาลงมือเขียนบล็อกเป็นครั้งแรกในชีวิต ดิฉันรู้สึกเหมือนกำลังออกเดินทางไปยังดินแดนแห่งใหม่ มีความตื่นเต้น มีเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน มีสิ่งต่างๆต้องตระเตรียม ระคนความสงสัยว่าการเดินทางครั้งนี้ จะเป็นอย่างไร จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
 
ดิฉันทำงานชิ้นนี้เสร็จพอดี  ระหว่างการสอนปักผ้าครั้งที่เพิ่งจบไป (เสาร์ที่ 2 และ 9 มิถุนายน 2555) พอปักเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็นำมาเป็นตัวอย่างประกอบการสอนทันที  และคงจะใช้เป็นตัวอย่างต่อไปอีกเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังคงสอนปักผ้าอยู่  




ในโอกาสเริ่มต้นบล็อกครั้งแรก ซึ่งคงจะมีำได้เพียงครั้งเดียว ไม่มีอะไรดีไปกว่าใช้เป็นเวลาแสดงไมตรีต่อกัน  

นกสีฟ้าตัวเล็กๆ เกาะบนต้นไม้ที่กำลังมีดอกสีชมพู  สำหรับทุกคนที่แวะเข้ามา 

"ยินดีต้อนรับค่ะ หวังว่าคงชอบบล็อกแห่งนี้ และมาเยี่ยมกันบ่อยๆ”    






อีกนิดก่อนจบ (พร้อมรอยยิ้มกว้างขวางพิเศษ) . . . 

ที่อยากให้เข้ามากันบ่อยๆเนี่ย สำดัญต่อจิตใจคนทำบล็อกมากเลย
 ก็ถ้าเข้ามากันไม่บ่อย ใจคงแป้วน่าดู   :)